5 เช็กลิสต์ก่อนซื้อโคมไฟ LED สำหรับใช้งานภายนอก

อันดับ 1 หลอดและโคมไฟแอลอีดีสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม • ปรึกษาฟรี

5 เช็กลิสต์ก่อนซื้อโคมไฟ LED สำหรับใช้งานภายนอก

สารบัญ

ทำไมต้องใส่ใจในการเลือกโคมไฟ LED ภายนอก?

การติดตั้งโคมไฟ LED สำหรับใช้งานภายนอก เช่น ไฟสนาม, ไฟถนน, ไฟลานจอดรถ หรือ Flood Light สำหรับอาคาร ต้องเลือกอย่างรอบคอบ เพราะต้องเผชิญทั้งแดด ฝน ความชื้น รวมถึงต้องสว่างพอสำหรับพื้นที่กว้างและปลอดภัยในตอนกลางคืน

ไม่ใช่แค่ดูจาก “ความสว่าง” หรือ “ราคาถูก” เท่านั้น แต่ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างที่ส่งผลต่อ คุณภาพ อายุการใช้งาน และความปลอดภัย

บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ด้วย 5 เช็กลิสต์สำคัญ ที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อโคมไฟ LED ภายนอก


1. ตรวจสอบค่ามาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น (IP Rating)

→ โคมไฟภายนอกต้องมี มาตรฐาน IP65 หรือสูงกว่า

  • โคมไฟสำหรับใช้งานกลางแจ้งต้องมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น โดยดูจาก “IP Rating” ที่ระบุในสเปกสินค้า เช่น IP65 / IP66 / IP67

  • IP65 หมายถึง ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และสามารถกันน้ำจากหัวฉีดทุกทิศทาง เหมาะกับลานจอดรถ โกดัง หรือสนาม

  • หากใช้งานใต้น้ำหรือพื้นที่เปียกมาก เช่น ริมสระน้ำ ควรใช้ IP67 หรือสูงกว่า

สรุป:

ถ้าโคมไม่มีมาตรฐาน IP ที่เหมาะสม อาจช็อต หรือเสียหายภายในไม่กี่เดือน!


 2. เลือกวัสดุโคมที่แข็งแรง ระบายความร้อนดี

→ อย่าเลือกแค่ “หน้าตา” ต้องดูวัสดุด้วย!

  • วัสดุที่ดีควรเป็น อลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป (Die-Cast Aluminum) ที่ช่วยระบายความร้อนได้ดี และทนต่อการกัดกร่อนจากฝุ่นและน้ำ

  • เลือกโคมที่มี ฮีตซิงค์ (Heat Sink) ชัดเจนด้านหลัง เพื่อยืดอายุการใช้งานของหลอดและไดรเวอร์

  • ฝาครอบหน้าโคมควรใช้ กระจกนิรภัย (Tempered Glass) เพื่อป้องกันแรงกระแทก

สรุป:

โคมที่ดีไม่ควรเปราะบางหรือร้อนจัด เพราะจะทำให้ LED เสื่อมเร็วและอันตรายระยะยาว


 3. ดูแหล่งกำเนิดแสงและไดรเวอร์ให้ดี

→ หัวใจของโคมไฟ LED อยู่ที่ “ชิป” และ “ไดรเวอร์”

  • ชิป LED (Chip) ต้องเป็นของแบรนด์คุณภาพ เช่น Bridgelux, Cree, OSRAM, Philips เพื่อให้แสงสว่างเสถียร ไม่กระพริบ

  • LED Driver ต้องเลือกที่มีคุณภาพ เช่น Meanwell, Inventronics หรือแบรนด์ที่ได้รับรองมาตรฐาน

  • หากใช้ไดรเวอร์ราคาถูก มักเจอปัญหาไฟกระพริบ หรือโคมเสียเร็วแม้ใช้งานไม่นาน

สรุป:

โคมไฟ LED คุณภาพสูง = ไดรเวอร์ดี + ชิปดี = ประหยัด + อายุยาว


 4. เลือกองศาแสงและระดับความสว่างให้ตรงกับพื้นที่ใช้งาน

→ สว่างมากแต่ไม่ตรงจุด ก็ไม่ช่วยเรื่องประหยัด

  • หากต้องการส่องเฉพาะจุด เช่น ไฟป้าย หรือไฟฟุตบาท ควรเลือก องศาแคบ (30°–60°) เพื่อเน้นพื้นที่เล็ก

  • สำหรับสนามหรือลานโล่ง ควรเลือก องศากว้าง (90°–120°) หรือแบบ เลนส์กระจายแสง

  • อย่าลืมดูค่า Lumen/Watt (ลูเมนต่อวัตต์) เพื่อวัดประสิทธิภาพการส่องสว่าง (ยิ่งสูงยิ่งคุ้ม)

พื้นที่ใช้งาน องศาแสงที่แนะนำ
ป้ายร้านค้า 30°–60°
สนามฟุตบอล 60°–90° (แสงผสม)
ลานจอดรถ 90°–120°
ถนน ต้องใช้เลนส์เฉพาะ

 5. ตรวจสอบการรับประกัน และบริการหลังการขาย

→ ไม่ใช่ทุกโคมที่มีการรับประกันจริง!

  • เลือกซื้อจากผู้จัดจำหน่ายหรือแบรนด์ที่มี ใบรับประกันอย่างเป็นทางการ และมีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน

  • บางรายอาจขายราคาถูก แต่ไม่มีทีมติดตั้งหรือบริการหลังการขาย ทำให้คุณต้องแบกรับความเสี่ยงเอง

  • แนะนำเลือกผู้ให้บริการที่ พร้อมติดตั้งครบวงจร + ให้คำปรึกษาเรื่องไฟ

สรุป:

การรับประกัน = ความมั่นใจในคุณภาพ อย่าเสี่ยงกับของถูกที่ไม่มีคนรับผิดชอบ!


บทสรุป: โคมไฟ LED ภายนอก ต้องเลือกให้ “เหมาะ” ไม่ใช่แค่ “ถูก”

โคมไฟ LED สำหรับใช้งานภายนอกมีให้เลือกมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเหมาะสมกับพื้นที่ + คุณภาพของสินค้า + ความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ

✅ ดูมาตรฐานกันน้ำ
✅ วัสดุโคมคุณภาพ
✅ ไดรเวอร์และชิป LED ที่เชื่อถือได้
✅ องศาแสงตรงการใช้งาน
✅ มีการรับประกันและบริการหลังการขาย

Rawee Lighting ผู้นำด้านแสงสว่างที่คุณวางใจได้

highbay โคมโรงงาน Rawee Lighting

เมื่อพูดถึงโคมไฟคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ต้องนึกถึง Rawee Lighting หรือ บริษัท รวีไลท์ติ้ง กรุ๊ป จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 โดยมุ่งเน้นในการผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายหลอดไฟ LED ประหยัดพลังงาน

จุดเด่นของ Rawee Lighting

    • คุณภาพเหนือระดับ: ผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐาน ISO พร้อมการรับประกันคุณภาพ
    • นวัตกรรมล้ำสมัย: พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อความประหยัดและความปลอดภัย
    • บริการครบวงจร: ตั้งแต่การสำรวจหน้างาน ออกแบบแสง จนถึงการติดตั้ง
    • ทีมงานมืออาชีพ: วิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

หากคุณกำลังมองหาโคมไฟที่มีทั้งคุณภาพ ประสิทธิภาพ และบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม Rawee Lighting คือคำตอบที่ดีที่สุด!

ติดต่อเรา

แชร์บทความนี้